ลอร์ด ออฟ เดอะ แร๊ค: พาวเวอร์แร๊คตัวเดียวเพื่อค้นพบจบหล้า
Lord of the Racks: One Power Rack to Rule Them All

หากท่านกำลังมองหา Power Rack, การค้นหาได้สิ้นสุดแล้ว สำหรับแร๊คที่ไม่หรูหราเยอะเกิน คุ้มราคา แข็งแรงทนทาน เรามีพร้อมให้ท่าน

คุณสมบัติสองประการแรก จะทำให้การเปลี่ยนท่าเล่น ซึ่งต้องปรับระดับเริ่มต้นของบาร์เบล และ Safety Bars ให้สูงขึ้นหรือต่ำลง เป็นไปได้อย่างง่ายดาย รวดเร็ว ไม่เสียเวลาและสมาธิในการทุ่มเทนกับการเล่นเวทเทรนนิ่ง

คลิปดังต่อไปนี้ จะอธิบายและแสดงให้เห็นสองคุณสมบัตินี้

Power Rack demo

ข้อดีของ Power Rack นี้ ซึ่งบางอย่างอาจจะเห็นอยู่เต็มตา แต่อาจไม่ได้ตระหนักถึง มีดังนี้

  1. Safety Bars ที่ปรับระดับได้ง่าย: เซฟตี้บาร์ของแร๊คส่วนใหญ่ จะต้องเสียบเข้าทางด้านหน้าของเสาหน้า ขึดข่วนเสียงดังไปถึงเสาหลัง แล้วยังต้องเล็งให้ตรงรูเสาหลังด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่เสียเวลาพอควร ขัดจังหวะการเล่นเวท แล้วกรณีที่เสียบผิดระดับ ก็หมายถึงต้องดึงออกมาใหม่ ขีดข่วนเสียงดังไปถึงเสาหน้า และเริ่มต้นเสียบใหม่ แล้วอย่าลืมว่าต้องทำซ้ำกับอีกฝั่งหนึ่ง

    Safety Bar ของแร๊คนี้ สามารถถอดออกได้โดยขยับข้อมือไม่กี่จังหวะ และใส่กลับโดยง่ายดายเช่นกัน ให้ได้ระดับสำหรับท่าบริหารเวทเทรนนิ่งท่าต่อไป

    Safety Bar นี้ผลิตจากเหล็กกลมตัน เส้นผ่าศูนย์กลาง 1 นิ้ว ชุบโครเมียมเพื่อความสายงามและทนทาน และสามารถรับน้ำหนักเกินกว่าที่มนุษย์จะยกได้ .

  2. ฟันปลาวางบาร์เบล: จะเรียกภาษาอังกฤษว่า Gun-Rack เพราะรูปแบบจะคล้ายชั้นวางปืนไรเฟิ้ลหลายๆกระบอกกับผนังบ้าน ในอดีตตะขอวางบาร์ (หรือเรียกภาษาอังกฤษว่า J-Cups หรือ Power Rack Hooks) เป็นส่วนควบหลักให้กับนักยกเวท ที่จะวางบาร์เบลในตำแหน่งเริ่มต้นต่างๆของแต่ละท่า เช่น ท่า Squat (เล่นต้นขา) บาร์เบลจะพักอยู่ในระดับหัวไหลหรือต่ำกว่าหัวไหล่เล็กน้อย แต่ ท่า Supine Press (เล่นหน้าอกส่วนกลาง) บาร์เบลก็จะอยู่ในระดับเอว (ขณะยืนตัวตรง) ดังนั้นการปรับระดับบาร์เบลจากท่าแรกไปท่าที่สอง ต้องใช้เวลาและกำลังของผู้ใช้เป็นอย่างมาก

    ในระหว่างโปรแกรมฝึก บาร์เบลมักจะถูกโหลดด้วยแผ่นน้ำหนักเต็มพิกัด การเปลี่ยนระดับของ J-Cups หมายถึงการยกบาร์เบลทั้งชุดออก แล้ววางบนพื้น (ขั้นตอนนี้จะค่อนข้างลำบาก เพราะน้ำหนักรวมของบาร์เบลและแผ่นน้ำหนัก) ต้องเปลียนระดับ J-Cups ให้สูงขึ้นหรือต่ำลงแล้วแต่ท่าเล่นต่อไป ทำซ้ำอีกฝั่งหนึ่ง เสร็จแล้วต้องยกบาร์เบลและแผ่นน้ำหนักขึ้นวางบน J-Cups อีก (ขั้นตอนนี้ยิ่งยากกว่าขั้นตอนแรก)

    ถ้ามีเพื่อนช่วยยกบาร์เบลขึ้นและลง ก็จะพอทำเนา ไม่ต้องออกแรงเท่าไร จับบาร์เบลคนละข้างและยกขึ้น ยกลงเลย หน้กแค่ไหนก็ยังพอไหว แต่กรณียกคนเดียวนั้น เป็นเรื่องใหญ่พอสมควร เว้นแต่จะถอดแผ่นออกก่อน ซึ่งเสียเวลา ถ้าจะยกบาร์เบลขึ้นลงทั้งแผ่นน้ำหนักนั้น น่าจะเอาแรงกาย แรงใจไปยกเซ็ตต่อไปจะดีเสียกว่า

    ด้วยระบบฟันปลา ผู้ใช้สามารถขยับบาร์เบล (ถึงจะมีแผ่นน้ำหนักโหลดอยู่ก็ตาม) ขึ้นหรือลงทีละขั้นฝั่งหนึ่ง และไปทำซ้ำอีกฝั่งหนึ่ง จนได้ระดับที่ต้องการ โดยไม่ต้องถอกแผ่นน้ำหนักออก หรือหาเพื่อนช่วย

  1. แฮนด์พูลอัพ ทั้งจับกว้างและจัดแคบ: พาวเวอร์แร็คจะไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ หากไม่มี Pull-Up Bar หรือ Chin-Up Bar แร็คตัวนี้มีมือจับกว้าง และแคบ แบบ Pronated (ฝ่ามือหันไปข้างหน้า) และมือจับแคบแบบ Supinated (ฝ่ามือหันเข้าหากัน)
  2. ภายในที่กว้างขวาง: ภายในของแร็คนี้จะกว้างขวางด้วยพื้นที่ 120 ซม. x 70 ซม. ซึ่งเพียงพอสำหรับการเล่นท่าหนักๆเช่น Squats (ต้นขา) หรือ DeadLifts (หลังขา และหลังส่วนล่าง)
  3. ฐาน 3"x3" ที่แน่นหนาแข็งแรง: เหล็กฐานมีขนาดใหญ่ และมีน้ำหนัก ทำให้แร็คจะเสถียร ไม่ขยับหรือเคลื่อนได้ง่ายขณะเล่นอยู่ และเมื่อยกบาร์เบลออก และคืนกลับ

ผู้ใช้ สามารถติดตั้งฟันปลาคู่ที่สองได้ที่เสาหน้า ถ้าต้องการ หรือสั่งซื้อ J-Cups สำหรับใช้งานกับเสาหน้าของแร๊คได้เช่นกัน เพื่อการเล่นเวทที่หลากหลาย ทั้งสองถึอเป็นอุปกรณ์เสริม ที่เพิ่มเติมได้ .

Share on